หน้าเว็บ

ส้มป่อย




                "ส้มป่อย"
       สรรพคุณส้มป่อย
ส้มป่อยเป็นไม้พึชมงคลชนิดหนึ่งตามความเชื่อโบราณทางภาคเหนือ 
วิธีใช้ก็คือนำฝักส้มป่อยมาต้ม บ้างก็แช่กับน้ำเย็น บ้างก็เผาก่อนแช่บ้าง

พอแช่ไปซักพักน้ำส้มป่อยเริ่มจะออกสีเลืองกลิ่นหอม
แล้วนำไปทรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ช่วงสงกรานต์และนำมาอาบ 
หรือ สระหัวสระผมบ้างตามวันพระใหญ่ฯ

ดั่งเดิมมีความชื่อถือกันว่า ในฝักส้มป่อยนั้น มีอนุภาพความศักศิทธ์
โดยไม่ต้องผ่านการสวดคาถาใดๆ เป็นน้ำมนต์ในตัวอยู่แล้วเรียบร้อย
แล้วสามารถชำระล้างสิ่งรังควาน หรือฝันร้าย ลางร้ายต่างๆนาๆ ทุกประการ

อีกทั้งยังทำให้ผู้ได้อาบน้ำมนต์ส้มป่อย แคล้วคลาดปลอดภัย
และมีโชค มีลาภ มีเมตตามหานิยม เพิ่มเสน่ห์ ค้าขายร่ำรวย ฯลฯ

      วิธีอาบ นำน้ำส้มป่อยที่แช่ได้ มาผสมกับน้ำธรรมดาเพื่อเพิ่มปริมาณให้พอ
แล้วใส่ถัง ใช้ขันตักอาบ หรืออาบเฉพาะส่วนศรีษะ
เวลาอาบให้หันหน้าไปหาทิศเทพสถิตทิศประจำของวันเกิด
คือ

ท่านที่เกิดวัน อาทิตย์ ให้หันหน้าไปหาทิศอิสาน ทิศตะวันออกเฉียงเหนือฯ

ท่านที่เกิดวัน วันจันทร์ ให้หันหน้าไปหาทิศ บูรพา ทิศตะวันออก

ท่านที่เกิดวันอังคาร ให้หันหน้าไปหาทิศ อาคเนย์ คือ ทิศตะวันออกเฉียงใต้

ท่านที่เกิดวัน พุธกลางวัน ให้หันหน้าไปหาทิศ ทักษิณ คือ ทิศใต้

ท่านที่เกิดวัน พุธกลางคืน ให้หันหน้าไปหาทิศ พายัพ คือ ทิศตะวันตกเชียงใต้

ท่านที่เกิดวัน พฤหัสบดี ให้หันหน้าไปหาทิศ ปัจฉิม คือ ทิศตะวันตก

ท่านที่เกิดวัน ศุกร์ ให้หันหน้าไปหาทิศ อุดร คือทิศตะวันตกเชียงเหนือ

ท่านที่เกิดวันเสาร์ ให้หันหน้าไปหาทิศ หรดี คือทิศเหนือ

       พอได้อาบแล้วน้ำมนต์ส้มป่อยแล้ว จะทำให้ผู้อาบอ่อนเพลียง่วงนอน แต่มีการแก้เคล็ดว่า
ห้ามหลับนอนกลางวัน หรือนอนทับ

   ครั้งหนึ่ง เคยคิดสงสัย กับเรื่องน้ำมนต์ส้มป่อย
เลยถามพระอาจารย์ขึ้นว่า อาจารย์ครับคนสมัยก่อนทำไมเขาถือไม้พืชล้มลุกชนิดนี้
เป็นไม้มงคลยังไงครับ?
พระอาจารย์ตอบว่า คือโบราณจารย์เขาถือว่า
สาระพัดเกสรดอกไม้จะรวมอยู่ในน้ำผึ้ง

สาระพัดผลไม้จะรวมอยู่ในท้องลิง

สาระพัดหัวจะรวมอยู่ในท้องเม่น

สาระพัดรากไม้จะรวมอยู่ในรากส้มป่อย

แน่แท้ประการใดเป็นความเชื่อโบราณนะครับ
แม้ว่ายุคสมัยนี้จะเป็นยุคสมัยใหม่

ยุคเทคโนโลยี่ครอบครองคนสมัยใหม่ไม่ค่อยจะเชื่อถือและไม่ค่อยสืบทอด
ตำหรับตำรา บ้างก็สูญหายไปกับกาลเวลาความเชื่อถือก็ลดน้อยถอยลงไปตามๆกัน
แต่ความเชื่อส่วนตัวนั้นยังเล็งเห็นอยู่ว่าถึงกาลเวลาสมัยใหม่จะนำเรื่องใหม่ๆ
มาลบล้างสิ่งเก่าแก่สักแค่ไหน

 แต่ก็ไม่อาจลบล้างสิ่งลึกลับที่เล่าขานกันมาในอดีตได้
ผมเองเคยรักษาโรคบางอย่างที่เรียกกันว่าโรคลึกลับด้วยวิธีของความเชื่อโบราณ
โดยบังเอิญ สมัยผมยังเยาว์วัยนั้นได้มีสิ่งลึกลับบางอย่างติดตามเป็นเงาตาม
ตัวเป็นเวลานานนับสิบๆปีหาวิธีรักษาจนสาระพัดอย่าง ไม่เคยหาย
วันหนึ่งไปได้วิธีรักษาโดยบังเอิญเข้าสิ่งลึกลับนั้นได้หายไปจนทุกวันนี
แต่ความเชื่อเรื่องสิ่งลึกลับก็ยังเป็นความเชื่อ เรื่องส่วนบุคคลอยู่
นอกเสียจากพบเจอด้วยตนเองน่ะครับนี้แหละครับเหตุผลของคนบางกลุ่ม
ที่ยังยึดถือปฏิบัติเจริญรอยตามวิถีชีวิตของโบราณาจารย์...



ปุ่มแชร์